ส่องกลยุทธ์อสังหาฯ โหมลงทุน : 9 มีนาคม 60
Source - กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Thursday, March 09, 2017 05:31
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เริ่มต้นปี 2560 อย่างคึกคัก ด้วยแผนลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการ และหลายรูปแบบ หลังเห็น ความต้องการของตลาดที่จะเติบโตในอนาคต
สุวรรณา พุทธประสาท ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอล แอนด์ เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด (แอลเอชเอ็มเอช) กล่าวว่า จากการที่บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ และศูนย์การค้า เทอร์มินัล 21 อย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ จึงได้วางงบประมาณลงทุนต่อเนื่องราว 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีแผนลงทุน 2 โครงการหลัก ได้แก่ เทอร์มินัล 21 และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ แห่งใหม่ที่พัทยาขนาด 400 ห้อง ก่อสร้างแล้ว 20% คาดเปิดบริการไตรมาสแรกปี 2562 โดย ใช้งบ 2,000 ล้านบาท
อีก 5,000 ล้านบาท ใช้สำหรับจัดซื้อหรือเช่าที่ดินในกรุงเทพฯ อยู่ระหว่างการเจรจา 2 แปลงทำเลสุขุมวิท ติดรถไฟฟ้าบีทีเอส และเจรจาแล้วเสร็จจะเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปีทันที โดยจะเน้นโครงการมิกซ์ยูสที่เป็นความถนัดของบริษัท ที่ใช้โมเดลการผนวกธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรม 5 ดาวไว้ด้วยกัน และมีต้นแบบแห่งแรกที่ เทอร์มินัล 21 และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินัล 21 ซึ่งผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถนำเข้าระดมทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ได้ทั้ง 2 แห่งแล้ว
รูปแบบธุรกิจมิกซ์ยูสจะไม่จำกัดเฉพาะโรงแรมและห้างเท่านั้น แต่ในแผนธุรกิจมีการเปิดกว้างต่อโครงการประเภทสำนักงานให้เช่าด้วย เพราะการสำรวจตลาดพบว่า การพัฒนาธุรกิจเป็นอาคารสำนักงานยังมีการแข่งขันต่ำ เพราะค่าเช่าไม่คุ้มค่าการลงทุน
"เรายังเชื่อมั่นศักยภาพในกรุงเทพฯ ที่ความหนาแน่นเริ่มกระจายตัวจากใจกลางเมืองออกมารอบนอกมากขึ้น สังเกตได้จาก การที่โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 ได้รับผลการตอบรับเกินเป้าหมาย ที่วางไว้ จึงมีทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพน่าสนใจเพิ่ม ส่วนการต้องเตรียมงบไว้จำนวนมาก ก็เพื่อให้สอดคล้องกับราคาที่ดินในย่านกลางเมืองตั้งแต่อโศก ไปจนถึงทองหล่อ ราคาไม่ต่ำกว่าตร.ว.ละ 1 ล้านบาทแล้ว"
สุวรรณา กล่าวว่า ความมั่นใจในการลงทุนโครงการใหญ่ต่อเนื่อง เพราะประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสดใส หากไม่มีปัจจัยเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นอีก คาดว่าปีนี้การท่องเที่ยวจะทำสถิตินิวไฮ ทั้งรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยว และเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ที่ธุรกิจเติบโตดีที่สุด หลังจากที่ท่องเที่ยวไทยมีสถานการณ์ โดดเด่นที่สุดในปี 2556 และหลังจากนั้นเผชิญ ปัจจัยลบด้านการเมืองและด้านความปลอดภัย เช่น เหตุระเบิดย่านราชประสงค์ปี 2558
สำหรับปี 2559 โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ในเครือทั้งหมด 4 แห่ง สร้างรายได้รวมกัน 1,750 ล้านบาท เติบโต 15% และปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 25% เนื่องจากจะมีรายได้ของโรงแรมใหม่ที่ทองหล่อเข้ามาเพิ่มอีกราว 420 ล้านบาท ส่วนอัตราเข้าพักเฉลี่ยไตรมาสแรก คาดว่าไม่ต่ำกว่า 85% ส่วนโรงแรมใหม่ที่ทองหล่ออยู่ที่ 65% สูงกว่าที่ตั้งไว้ที่ 50% เนื่องจากได้ฐานลูกค้าหลักจากญี่ปุ่นเข้ามาเสริม มีสัดส่วนกว่า 35% เกาหลีใต้กว่า 30% ตามด้วยจีนและฮ่องกง เป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางตำแหน่งของโรงแรมเจาะกลุ่มไฮเอนด์ ด้วยการจับมือกับบริษัท สยามเวลเนส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาออนเซน แบบต้นฉบับญี่ปุ่นเต็มรูปแบบเป็นแห่งแรก บนพื้นที่รวม 1,800 ตร.ม.
ทั้งนี้ กลุ่มโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ 4 แห่งมีห้องพักรวมกัน 1,678 ห้อง และหากโครงการพัทยาแล้วเสร็จจะมี ห้องพักรวมกว่า 2,000 ห้อง
เรายังเชื่อมั่นศักยภาพในกรุงเทพฯ ที่ความหนาแน่นเริ่มกระจายตัวจากใจกลางเมืองออกมารอบนอกมากขึ้น
บรรยายใต้ภาพ
สุวรรณา พุทธประสาท--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ