แสนสิริ ชูนวัตกรรม เอไอ ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล
อสังหาริมทรัพย์เป็นอีกธุรกิจที่เดินเหน้าเปลี่ยนแปลงองค์กรในยุคดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เพื่อพัฒนานวัตกรรมตอบโจทย์ “ดิจิทัล ไลฟ์สไตล์” ของผู้อยู่อาศัยปัจจุบัน
ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปีนี้ถือเป็นปีแห่งการ“ทรานส์ฟอร์ม”องค์กร ด้วยการเดินหน้ารุกนวัตกรรม“พร็อพ เทค”เต็มรูปแบบ ทั้งการใช้งานโมบาย แอพ “โฮม เซอร์วิส” ตามด้วย "น้องแสนดี” (Delivery Robot) หุ่นยนต์ส่งของ เริ่มใช้ในโครงการ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า รวมทั้งการเปิดตัวสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charging Station ครั้งแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์
การปรับเปลี่ยนองค์กร โดยมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ถือเป็น “ดีเอ็นเอ”ขององค์กร ด้านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ควบคู่ไปกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และเซอร์วิสต่างๆ ทั้งด้วยตัวเองและร่วมกับพันธมิตร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกบ้านในยุคดิจิทัล
การเดินหน้าในธุรกิจ “พร็อพ เทค”ล่าสุดได้นำเทคโนโลยีจากบริษัทระดับโลก “Amazon Web Services” (AWS) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านไอทีผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Amazon.com ที่มีบริการหลากหลายรวมทั้งแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) โดยร่วมมือกับ “เดลิเทค” พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีบนคลาวด์ ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงทางนวัตกรรมการอยู่อาศัยสู่ยุคการใช้ชีวิตในโลกยุคดิจิทัลไม่รู้จบ (The New Era of Limitless Living)
ทั้งนี้ ได้นำร่องพัฒนานวัตกรรมเอไอ “ระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย”ครั้งแรกด้วยเทคโนโลยี Artificial Intelligence solutions จาก Amazon Web Services ผ่าน Alexa ซึ่งเป็น ลำโพงอัจฉริยะ หรือ AI Box ซึ่งจะเป็นผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะครบวงจร
ในธุรกิจพร็อพ เทค การพัฒนาด้าน อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (ไอโอที) ผ่านอุปกรณ์ต่างๆในที่อยู่อาศัย ถือเป็นเรื่องพื้นฐานของธุรกิจอสังหาฯในยุคนี้ ดังนั้นสิ่งที่แสนสิริ ให้ความสำคัญ คือการพัฒนา “เอไอ”และบิ๊กดาต้า เพื่อนำมาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า พัฒนานวัตกรรมและเซอร์วิสที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยด้วยระบบอัจฉริยะ
นวัตกรรม “เอไอ บ็อกซ์” ที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตร เป็นเซอร์วิสผ่านแพลตฟอร์มเอไอ ที่จะติดตั้งและใช้งานในช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 เริ่มในโครงการคอนโดมิเนียม“เดอะไลน์” ที่กลุ่มลูกค้ามีไลฟ์สไตล์เกาะติดเทคโนโลยี รวมทั้งติดตั้งในโครงการที่อยู่อาศัยระดับ“บี เซ็กเมนท์” ราคา 1.5-2.5 แสนบาทต่อตร.ม.ของแสนสิริ
ทางด้าน วิชญ์ เนียรนาทตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลิเทค จำกัด พันธมิตรด้านเทคโนโลยี กล่าวว่า เอไอ บ็อกซ์ ของแสนสิริ ใช้เทคโนโลยีจาก Amazon Web Services ซึ่งใช้งานง่ายและมีบริการหลากหลาย พร้อมเปิดให้นักพัฒนาสามารถนำมาต่อยอดเพื่อให้เกิดบริการใหม่ๆ
การทำงานของ เอไอ บ็อกซ์ เริ่มด้วยฟังก์ชั่นพื้นฐาน ที่สอดรับกับการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การตรวจสอบยอดค่าน้ำ ตรวจเช็คพัสดุ การจองและตรวจสอบสถานะการใช้งานของห้องส่วนกลาง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการ เช่น การเปิดจองบริการของห้องโยคะ เป็นต้น พร้อมทั้งความสามารถให้ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ได้ เช่น พยากรณ์อากาศ เช็คสภาพการจราจร สรุปข่าวรายวัน รวมทั้งเชื่อมต่อการรับคลื่นวิทยุในประเทศไทย
ทวิชา กล่าวว่าหลังจากเปิดตัว เอไอ บ็อกซ์ ระยะแรกไตรมาส2 ปีหน้า แสนสิริจะนำเทคโนโลยีจาก Amazon Web Services มาใช้เพื่อพัฒนาบริการและเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆ
เช่น ชอปปิง ออนไลน์ จองตั๋วบริการต่างๆ ออนไลน์ บริการเรียกรถแท็กซี่ ส่งอาหาร รับส่งสินค้า เป็นต้น โดยเชื่อมโยงกับ “โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชั่น”ของแสนสิริ ซึ่งปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดแอคทีฟกว่า 2 หมื่นราย
ปีนี้แสนสิริ ใช้งบประมาณด้านพร็อพ เทค กว่า 100 ล้านบาท คาดว่าปีหน้าจะใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำจุดยืนในฐานะ market shaper ทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อยกระดับการให้บริการและการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยเหนือความคาดหมายให้ลูกค้า
ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/776418