ลลิล ชี้อสังหาฯปี61 แนวราบ โต 5-7%
เศรษฐกิจไทยในปี 2561 มีสัญญาณบวกจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกในภูมิภาคสำคัญ ทั้งสหรัฐ ยุโรปและเอเชีย มีแนวโน้มเติบโต กระตุ้นภาคส่งออกและท่องเที่ยวไทยขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆ มั่นใจเดินหน้าลงทุนในปีนี้
ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดเติบโต 3.8-3.9% จากปัจจัยสนับสนุน "4 เครื่องยนต์หลัก" ขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
ทั้ง การส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ตามทิศทางเศรษฐกิจและการค้าโลกฟื้นตัว ,การท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงขยายตัวได้ดี จากปี 2560 ที่มีจำนวน 35 ล้านคน ปีนี้เติบโตราว 10%
นอกจากนี้ในปี 2561 จะมีเม็ดเงินจากการลงทุนภาครัฐ ทยอยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนเมกะโปรเจคและโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) อีกทั้งคาดการณ์การเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2561 หรือต้นปี 2562 เป็นปัจจัยกระตุ้นการลงทุนเอกชน ทั้งเม็ดเงินลงทุนในประเทศและกองทุนต่างชาติ
"ปีนี้ 4 เครื่องยนต์หลัก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเติบโต ทั้งส่งออก ลงทุนภาครัฐ ลงทุนเอกชน และท่องเที่ยว มีสัญญาณที่ดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ทั้งหมดจะเป็นแรงส่งช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตและช่วยให้ตัวเลขการบริโภคและการลงทุนเอกชนขยายตัวดีขึ้น"
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นจากปีก่อน โดยมีปัจจัยบวกมาจากเศรษฐกิจไทยเติบโต นอกจากนี้ภาพรวมของตัวเลขหนี้ภาคครัวเรือนต่อจีดีพี ที่เริ่มปรับลดลง จะช่วยให้กำลังซื้อปรับดีขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศยังคงทรงตัวระดับต่ำ
โดยมองว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นตลาดซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ปีนี้ยังคงขยายตัวได้ราว 5-7%
ขณะที่ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาราคาที่ดิน เกาะแนวรถไฟฟ้าปรับขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10-15% ส่งผลให้ “ราคาคอนโดมิเนียม” ปรับขึ้นในอัตราเดียวกัน ปัจจุบันคอนโดเกาะแนวรถไฟฟ้า ราคาขยับขึ้นไปที่มากกว่า 1 แสนบาทต่อตร.ม. ทำให้ราคาต่อยูนิตสำหรับ 2 ห้องนอนอยู่ที่ 4-6 ล้านบาท ด้วยราคาดังกล่าวถือเป็นข้อจำกัดของตลาดระดับกลางและกลุ่มครอบครัวใหม่ ที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยระดับ 2-2.5 ล้านบาท จึงมองว่าตลาดแนวราบ จะเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยในกลุ่มนี้ เนื่องจากราคาที่ดินแนวราบปรับขึ้นราว 5% ทำให้ราคาโปรดักท์ขยับขึ้นไม่มากเท่าคอนโด
"ราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้าปีนี้ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้คอนโดต้องปรับราคาขึ้นอีก การลงทุนคอนโดปีนี้ อาจต้องระมัดระวังในบางเซ็กเตอร์และในบางทำเล ที่อาจเริ่มเห็นสัญญาณโอเวอร์ ซัพพลาย"
ไชยยันต์ กล่าวว่าการดำเนินธุรกิจอสังหาฯของบริษัทมุ่งตลาดซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง กลุ่มครอบครัวใหม่ ด้วยราคาโปรดักท์ 2-2.5 ล้านบาท ปี2561 วางแผนขยายโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,500-5,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 4,400 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 4,000 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อน
จากแนวโน้มหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีลดลง และกำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น บริษัทวางเป้าหมายลดอัตราปฏิเสธสินเชื่อ(รีเจค) ปีนี้เหลือ 10% ซึ่งถือเป็นอัตราปกติ จากปีก่อนอยู่ที่ 20% โดยจะจัดทำ ไฟแนนเซียล คลินิก ให้ลูกค้าก่อนยื่นขอกู้เงินจากธนาคาร
ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปี 2561 บริษัทปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเชิงรุก ด้วยโปรดักท์“แนวราบ” ทั้ง บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม , การเลือกโลเคชั่น ศักยภาพในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งทำเลในพื้นที่อีอีซี โดยโซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล สัดส่วน 75-80% และทำเลต่างจังหวัด 20-25% วางเป้าหมายเปิดตัวไตรมาสละ 2 โครงการ
นอกจากนี้วางกลยุทธ์การตลาด ด้าน“ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง” และ ซีอาร์เอ็ม ตอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลของผู้บริโภค
ปีนี้บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ที่ได้มาจากการโอนโครงการต่างๆ และส่วนหนึ่งจะมาจากการออกหุ้นกู้ ปีนี้วางไว้ที่ 1,000-1,200 ล้านบาท ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และยังมีศักยภาพในการขยายธุรกิจได้อีกมาก โดยไม่ติดปัญหาเรื่องของแหล่งเงินทุน
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/787987