นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เตรียมเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องหารือเกี่ยวกับมาตรการดูแลการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อป้องกันการเก็งกำไรหลังจากที่พบว่าธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่แข่งขันกันมากขึ้น และหย่อนมาตรฐานของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาเสถียรภาพการเงินในอนาคต เนื่องจากผู้ซื้อไม่มีกำลังพอ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาหนี้เสีย (NPL) หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในที่สุด
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวต่อไปว่า ดังนั้น ธปท. จึงได้กำชับให้ธนาคารพาณิชย์รายงานข้อมูลการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ให้ ธปท. ทราบทุกเดือน เพื่อดูภาพรวมและระวังความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด จากเดิมที่มีการตรวจสอบเพียงปีละ 1 ครั้ง
"เป็นห่วงการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่หย่อนมาตรฐานของธนาคารพาณิชย์ และให้วงเงินสินเชื่อต่อหลักประกันกับลูกค้าสูงกว่าที่ ธปท. แนะนำรวมทั้งเริ่มเห็นจำนวนที่อยู่อาศัยในตลาดเหลือมากขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านเสถียรภาพในอนาคต ดังนั้น เร็วๆ นี้ ธปท. จะเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องออกนโยบาย หรือเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อลดความเปราะบางนี้หรือไม่ ซึ่งอาจออกเป็นมาตรการกำกับสถาบันการเงินในภาพรวม ที่เข้ามาเสริมการดำเนินนโยบายการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวต่อไปว่า สถาบันการเงินบางแห่งมีการปล่อยสินเชื่อในปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่ของกู้ หรือ พบว่ามีการปล่อยสินเชื่อสูงกว่ารายได้ ของผู้กู้ นอกจากนี้ ยังพบว่าที่อยู่อาศัยบางประเภทมีอุปทานส่วนเกินสูง ซึ่งในบางช่วงพบว่า ประชาชนคาดหวังว่าราคาของที่อยู่ในอาศัยในบางพื้นที่จะปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการเข้าไปซื้อเพื่อเก็งกำไร และปล่อยเช่า แต่เนื่องจากอุปทานส่วนเกินสูง จึงทำให้ได้ราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และทำให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) สูงขึ้นในเวลาต่อมา
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ธปท. ในฐานะกำกับดูแลสถาบันการเงินควรเข้าไปวิเคราะห์สาเหตุสำคัญของการเกิดหนี้เสียว่า เกิดจากสาเหตุใดผู้กู้ไม่สามารถผ่อนชำได้ได้ หรือสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อเสี่ยงมากเกินไป
ด้านนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึงกรณีที่ ธปท. จะเรียกสถาบันการเงินเข้าหารือคุมเข้มการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ว่า ธปท. เข้มงวดในการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์และมีการหารือกันอย่างใกล้ชิดมาตลอด โดยได้มีการกำกับดูแลทั้งระบบ
นายปรีดีกล่าวว่า ในส่วนของแบงก์พาณิชย์ก็มีเกณฑ์ในการปล่อยสินเชื่ออยู่แล้ว รวมทั้งมีความเข้มงวดระมัดระวังทุกขั้นตอน แต่หาก ธปท. ต้องการที่จะให้เข้มงวดมากขึ้น ก็คงต้องมาหารือกันว่าจะดำเนินนโยบายอย่างไร
สำหรับการดูแลลูกหนี้กรณีเกิดปัญหานั้น นายปรีดีกล่าวว่า ปกติแบงก์พาณิชย์มีการดูการผิดนัดชะระภายใน 90 วัน เมื่อลูกหนี้ไม่มาชำระ ก็จะแจ้งเตือน ซึ่งลูกหนี้สามารถเข้ามาเจรจากับธนาคารได้ทุกขึ้นตอน แม้กระทั่งอยู่ในขั้นตอนที่ ฟ้องศาลแล้วก็ตาม ธนาคารก็พร้อมที่จะร่วมแก้ไขปัญหา ซึ่งก็จะพิจารณาเป็นกรณีเป็นรายไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์
28 กันยายน 2561