หุ้นไอพีโอน้องใหม่ป้ายแดง “บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC” พร้อมลงสนามซื้อขาย (เทรด) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรกในวันจันทร์ที่ 19 พ.ย. 2561 นี้ หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 250 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3 บาท สามารถระดมทุนได้จำนวน 750 ล้านบาท
CMC คร่ำหวอดอยู่ในวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 24 ปี ในฐานะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “ชาโตว์ อินทาวน์” และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ “แบงค์คอก ฮอไรซอน”, “แบงค์คอก เฟลิซ”, “คาซ่า ยูเรก้า”, “คาซ่า ดีว่า” และ “เดอะ ริช” ภายใต้การบริหารงานของ “นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์” ที่ได้นำพาบริษัทฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตทางการเงินมาหลายครั้ง โดยบริษัทไม่เคยมีปัญหาหนี้เสีย (NPL) แต่อย่างใด
โดยเงินระดมทุนที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 750 ล้านบาท บริษัทมีแผนที่จะนำเงิน จำนวน 400 ล้านบาท ไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงินและลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ซึ่งภายหลังไอพีโอบริษัทจะมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 1.1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.8 เท่า ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการกู้เงินมาพัฒนาโครงการได้มากขึ้น และลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยปีละประมาณ 34-35 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากบริษัทจะนำเงินไปชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยเกิน 8% ให้หมด ซึ่งจะทำให้บริษัทมีต้นทุนดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6-7% จากปัจจุบันอยู่ที่ 7-8%
บริษัทวางแผน 3 ปีข้างหน้า (2561-2563) เตรียมเปิดโครงการใหม่ จำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าและตามชุมชนขนาดใหญ่ โดยจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงปลายปี 2561 และจะทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2562 โดยปัจจุบันโครงการที่จะเปิดมีที่ดินรองรับการพัฒนาทั้งหมดแล้ว และเป็นโครงการที่ได้รับใบอนุญาตการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการขอ EIA ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถสร้างผลกำไร และการเติบโตให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ทั้งนี้ ปัจจุบัน CMC มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างขายทั้งหมด จำนวน 25 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารอการรับรู้รายได้กว่า 4,141 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,900 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างการเติบโตให้แก่ CMC อย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2561 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2560 ที่มีรายได้รวม 1,525.23 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 795 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 53 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังมีปริมาณโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ทันที (Inventory) มูลค่ารวมกว่า 4,141 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2561 ประมาณ 25-30% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2562
ขณะที่ในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้ (ยอดโอน) ประมาณ 3,300 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการรับรู้รายได้จาก โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และตั้งเป้าหมายในปี 2562 จะมียอดขาย (พรีเซล) อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท จากโครงการใหม่ที่บริษัทจะทยอยในปลายปี 2561 และในปี 2562
ภายหลังจากการเพิ่มทุนขายไอพีโอแล้ว “กลุ่มแพทยานันท์” ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจะถือหุ้น 75% และนักลงทุนทั่วไปจะถือหุ้นประมาณ 25% โดยในส่วนของผู้ถือหุ้นเดิม “กลุ่มแพทยานันท์” นายแพทย์วิเชียร กล่าวยืนยันว่า บริษัทจะไม่มีการขายหุ้นออกมาในวันแรกที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างแน่นอน เนื่องจากทางกลุ่มแพทยานันท์มีความเชื่อมั่นในธุรกิจของ CMC ว่าจะสามารถเติบโตได้อีกมากในอนาคต จากแผนการเปิดโครงการใหม่ที่วางไว้ถึง 3 ปี เตรียมเปิดอีก 10 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท และยังมีที่ดินเปล่า (แลนด์แบงก์) ที่มีอยู่ในมือจำนวนมากถึง 141 ไร่ 7 แปลงใหญ่ มูลค่าตลาดรวมกว่า 1,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าต่อหุ้นประมาณ 1.30 บาท ซึ่งถือเป็นมูลค่าที่ซุกซ่อนอยู่ (Hidden Value) ในรูปของที่ดินเปล่ารอการพัฒนา ซึ่งปัจจุบันมูลค่าทางบัญชี (บุ๊กแวลู) ที่ปรับปรุงให้สะท้อนราคาตลาดล่าสุดของสินทรัพย์ของหุ้นที่ 4.68 บาท สูงกว่าราคาจองไอพีโอที่เสนอขายที่หุ้นละ 3 บาท ถึง 50%
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น
16 พฤศจิกายน 2561