ในยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ละครอบครัวต้องรัดเข็มขัด วางแผนการใช้เงินกันอย่างระมัดระวัง เพื่อจะได้มีค่าใช้จ่ายที่เพียงพอในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆ หากวางแผนผิดพลาดก็อาจทำให้การเงินมีปัญหาได้
สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย เช่น บ้าน คอนโดมิเนียม หรือทาวเฮ้าส์ คงพอทราบกันบ้างแล้วว่า สินเชื่อบ้านส่วนใหญ่จะให้อัตราดอกเบี้ยถูกในช่วง 1-3 ปีแรกเท่านั้น ในปีถัดไปอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้น จึงต้องมองหาวิธีที่จะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยและค่างวดที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือนให้ถูกลง “การรีไฟแนนซ์” เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เจ้าของที่อยู่อาศัย “ควรรู้” เพราะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และยังช่วยให้การผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นด้วย ลองมาดูกันว่าข้อดีและขั้นตอนของการรีไฟแนนซ์เป็นอย่างไร
รีไฟแนนซ์ คือการเปลี่ยนการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินใหม่ ที่มีข้อเสนอที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ย หรือระยะเวลาในการผ่อนชำระ เพื่อนำเงินไปชำระหนี้จากสถาบันการเงินเดิม โดยหลักทรัพย์ที่สามารถทำรีไฟแนนซ์ได้คือ บ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ อาคารพานิชย์ คอนโดมิเนียม ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และต่อเติมที่อยู่อาศัย
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านก็คือ ลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน / ได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง / สามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้น / สามารถขยายระยะเวลาการผ่อนชำระได้ / สามารถเพิ่มวงเงินได้ในกรณีต้องการเงินก้อนไว้ใช้
หลายคนที่ยังไม่คิดรีไฟแนนซ์บ้าน เพราะคิดว่ามีขั้นตอนยุ่งยาก หรือจะต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น อยากให้ลองเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะการรีไฟแนนซ์บ้านไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด และสถาบันการเงินหลายแห่งก็มีโปรโมชั่นดี ๆ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ไปได้มาก
การรีไฟแนนซ์บ้านไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดโดยมีขั้นตอนดังนี้
ติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อขอรายการสรุปยอดหนี้สินเชื่อบ้าน โดยค่าใช้จ่ายในขั้นตอนนี้ขึ้นอยู่กับธนาคารนั้น ๆ บางธนาคารอาจไม่มีค่าใช้จ่าย / หลังจากได้รายการยอดหนี้ที่ต้องการแล้ว นำเอกสารดังกล่าวไปยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ / เจ้าหน้าที่จะต้องมาประเมินบ้านหรือทรัพย์สินที่ต้องการจะรีไฟแนนซ์ / รอฟังผลการอนุมัติจากธนาคาร
หากได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว เดินหน้าติดต่อกับธนาคารเก่านัดวันไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน นำเอกสารไปไถ่ถอนบ้านจากสินเชื่อเดิม คิดยอดที่ต้องจ่ายเป็นเงินต้นบวกดอกเบี้ย (นับจนถึงวันไถ่ถอน)
ติดต่อกับธนาคารใหม่ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อทำสัญญาสินเชื่อใหม่ โดยนัดวันทำสัญญาและโอนบ้านที่ใช้จำนอง อย่าลืมนัดทั้ง 2 ธนาคารมาภายในวันเดียวกัน เพื่อชำระหนี้ เดินทางไปที่สำนักงานที่ดิน ณ เขตที่ตั้งของทรัพย์สิน เพื่อทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากทั้งสองธนาคารไปด้วย ขั้นตอนสุดท้าย มอบโฉนดที่ได้มาจากสำนักงานที่ดินให้กับธนาคารใหม่ เป็นอันเสร็จสิ้น
การรีไฟแนนซ์บ้าน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน แต่ในระยะยาวถือว่าคุ้มค่ากว่าจำนวนเงินที่ต้องเสียไปหากไม่รีไฟแนนซ์ โดยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มีดังนี้ ค่าประเมินหลักทรัพย์ (ประมาณ 3,000 บาท) / ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ (ไม่เกิน 200,000 บาท) / ค่าอากร 0.05% ของวงเงินขอกู้ใหม่ / ค่าประกันอัคคีภัย (เป็นไปตามอัตราค่าบริการของบริษัทที่ลูกค้าใช้บริการ)
แม้ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการผ่อนบ้านให้หมดเร็ว และเสียค่างวดถูกลง แต่ก่อนจะทำการรีไฟแนนซ์ เจ้าของที่อยู่อาศัยจะต้องศึกษาข้อมูลแต่ละธนาคารให้ละเอียดและแน่ใจว่าอัตราดอกเบี้ยใหม่นั้นต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน เปรียบเทียบดูว่าค่างวดที่ผ่อนชำระลดลงมากน้อยแค่ไหน ตรวจสอบข้อมูลการไถ่ถอนว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง รวมทั้งต้องสอบถามค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการดำเนินการ แล้วนำข้อมูลแต่ละธนาคารมาเปรียบเทียบเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด
ที่มา : ddproperty
28 มีนาคม 2562