ผลจากการขยายการลงทุนด้านสาธารณูปโภคการคมนาคมจากภาครัฐ รองรับพื้นที่ภาคตะวันออก ตามโครงการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก อันประกอบไปด้วย ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง จุดกระแสโซนภาคตะวันออก กลายเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ทำเล "ฮอต" ในเวลานี้ ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้าไปเดินหน้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่จะหลั่งไหลเข้ามาพักอาศัยในพื้นที่เพื่อทำงานกันมากยิ่งขึ้น
จากการจัดทำผลสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พบว่าในพื้นที่จังหวัดในอีอีซี โดยสรุปภาพรวมในปี 2561 ทั้งปีสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2560 ซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้น การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและเอกชน วงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา
โดยตั้งเป้าให้จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นเมืองน่าอยู่ รองรับการขยายตัวของกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก จังหวัดชลบุรีเป็นศูนย์กลางการศึกษาและพัฒนาทักษะนานาชาติ "ศรีราชา-แหลมฉบัง" เป็นเมืองอุตสาหกรรมการผลิตสมัยใหม่ เชื่อมสู่การผลิตภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและอาเซียน "พัทยา-สัตหีบ-อู่ตะเภา" เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ครอบครัว สุขภาพ และสันทนาการระดับโลก รวมถึงศูนย์ธุรกิจการบินและโลจิสติกส์แห่งอาเซียน และยกระดับ "มาบตาพุด-ระยอง" เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในอาเซียน และอุตสาหกรรมพลังงานเคมี ชีวภาพ วิจัยอาหารและไบโออีโคโนมี
ส่วนในด้านอุปทานที่อยู่อาศัยจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง เป็นผลมาจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซีของภาครัฐ โดยมีข้อสังเกตว่า ราคาที่ดินที่สูงขึ้น ส่งผลให้อุปทานบ้านแนวราบมีแนวโน้มที่จะมีการขยายตัว โดยเป็นการขยายตัวในกลุ่มของทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดมากขึ้น ขณะที่อาคารชุดจะยังเป็นอุปทานที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ ในปี 2561 มีการขอใบอนุญาตจัดสรรที่ดินโดยส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์มากที่สุด จำนวน 9,749หน่วย รองลงมาเป็นบ้านแฝด จำนวน 3,879 หน่วย และบ้านเดี่ยว จำนวน 3,360 หน่วย เป็นอาคารพาณิชย์จำนวน 238 หน่วย และที่เหลือเป็นที่ดินจัดสรร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผล กระทบจากมาตรการ LTV ก็ตาม แต่การเติบโตและความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่อีอีซีก็ยังได้รับการตอบรับอย่างดี ซึ่ง นายอรุช ช่างทอง กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ EEC บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ออริจิ้น มีธุรกิจคอนโดฯ เริ่มที่ในพื้นที่แบริ่ง ใกล้แนวรถไฟฟ้าทางสายสีเขียวตะวันออก ใกล้กับแหล่งอุตสาหกรรม ซึ่งทางบริษัทได้ขยายตลาดไปจนเกือบครบทุกกลุ่ม สำหรับในพื้นที่อีอีซี ถือว่าเป็นหนึ่งในแผนของบริษัท ที่จะขยายการลงทุนไปในภาคตะวันออก ซึ่งโครงการแรกคือ ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ที่อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี
ดังนั้น ถ้าดูจากภาคเศรษฐกิจตัวจังหวัดชลบุรี จะเห็นว่ารายได้ต่อเดือนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ซึ่งปัจจุบัน อยู่ที่ 28,000 บาทต่อคนต่อเดือน, ระยองอยู่ที่ 30,000 บาทต่อคนต่อครัวเรือน และยังมีฉะเชิงเทราอีกจังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยต่อคนจะมีรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ยกเว้น กทม.และปริมณฑล ที่มีรายได้ประมาณ 45,000 บาทต่อคนต่อเดือน เมื่อเทียบกับจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว อย่างภูเก็ตหรือสุราษฎร์ธานี ที่มีรายได้ต่อหัวที่ 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน
นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ยิ่งทำให้เกิดความมั่นใจ เพราะมีแรงหนุนทั้งภาครัฐและเกิดการตัดสินใจเข้ามาลงทุน ซึ่งปัจจุบันจะเห็นว่าโปรเจ็กต์หลักๆ ของอีอีซีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ หรือกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ถ้าระบบราง เช่น มอเตอร์เวย์ ทางเรือน้ำลึกแหลมฉบัง สนามบินอู่ตะเภา ไฮสปีดเทรน เชื่อม 3 สนามบิน ถ้าแล้วเสร็จ การเชื่อมคนจากดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง จะทำให้บริษัทมีโอกาสในการเข้ามาพัฒนาพื้นที่มากขึ้น
สำหรับการลงทุนในอีอีซีนั้น ทางออริจิ้นได้มองดูทำเลการลงทุนตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทางบริษัทมองภาครวมของเศรษฐกิจเป็นหลัก อาทิ รายได้ต่อหัวของชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นรายได้ของกลุ่มคนที่ขึ้นทะเบียนเป็นหลักค่อนข้างสูง และภาคอุตสาหกรรมไปได้ด้วยดี ทั้งรถยนต์และปิโตรเคมี ในช่วงแรกเข้ามานั้น เน้นการทำตลาดกลุ่มแนวตั้ง และขยายไปในแนวราบ แต่จะอยู่ไกลแหล่งงานมากขึ้น
เพื่อรองรับโครงการ Origin Smart District Rayong ทางออริจิ้นได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงโครงการความร่วมมือทางธุรกิจพลังงานด้านระบบดิจิทัลในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ซึ่งทาง PEA จะนำ PEA HERO PLATFORM ซึ่งประกอบไปด้วย PEA Solar Hero Feature, PEA Energy Hero Trading Feature, PEA Care Hero Feature และ PEA Energy Intelligence Hero Feature เป็นสื่อกลางในส่วนของการผลิตพลังงานไฟฟ้า การบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) และการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ
อย่างไรก็ตาม โครงการ Origin Smart District Rayong มี Concept ในการพัฒนาแบ่งเป็น 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ 1.Smart Living การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อาศัย 2 .Smart Service การให้บริการด้านการตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้า 3.Smart Energy การส่งเสริมให้เกิดการผลิตพลังงานสะอาดและการใช้ไฟฟ้าอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และ 4.Smart City การบริหารจัดการพลังงานในภาพรวมของโครงการ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
13 พฤษภาคม 2562