นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เผยผลสรุปจากการพูดคุยกับตัวแทนนายหน้าอสังหาฯ จากต่างประเทศหลายแห่งทั้งในจีนและฮ่องกงที่มีต่อตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยว่า ตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากจำนวนนักลงทุนจีนที่ลดลงในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเป็นผลกระทบเชิงลบจากโรคระบาดและความไม่แน่นอนใน ทั่วโลก ผู้ซื้อส่วนใหญ่มีความกังวลเป็นอย่างมากและเลือกชะลอการทำธุรกรรมต่างๆ นักลงทุนชาวจีนและชาวฮ่องกงบางส่วนต้องการเลื่อนชำระยอดคงเหลือตามข้อตกลงการซื้อโครงการที่อยู่อาศัยออกไปอีก 1-2 ปี และบางรายถอดถอนการจองโครงการ ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ (off-plan) โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนชาวฮ่องกงและชาวจีนมักจะเข้าชมสถานที่จริงก่อนตัดสินใจซื้อ แต่นักลงทุนไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้เนื่องจากข้อจำกัดด้านการเดินทาง ซึ่งนี้เป็นสาเหตุหลักในการเลื่อนชำระ

          โครงการคอนโดมิเนียมใหม่หลายแห่งชะลอการเปิดตัวไปจนถึงปีหน้าหรือบ้างก็อีก 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่นักพัฒนาโครงการในไทยหลายรายก็กำลังเร่งเคลียร์สต็อก โดยเร่งรัดการชำระส่วนที่เหลือก่อนโครงการจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ บวกกับขั้นตอนการโอนที่ยุ่งยากและเงินมัดจำการจองที่ไม่สามารถคืนเงินได้ในกรณียกเลิกการจอทำให้ผู้ซื้อต่างชาติไม่พอใจและมีหลายคนร้องเรียนถึงปัญหาต่างๆ เหล่านั้น ซึ่งปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวอาจทำลายตลาดหรือส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนที่ลดลง อีกทั้ง นักลงทุนชาวจีนบางส่วนหันไปลงทุนในตลาดภายในประเทศ ตัวเอง เนื่องจากราคาอสังหาฯ กำลังเติบโตและจำนวนการซื้อขายอยู่ในระดับค่อนข้างสูง

          บางส่วนของนักลงทุนชาวจีนและชาวฮ่องกงคาดการณ์ว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯจะมีการปรับตัวอย่างมาก นักพัฒนาบางรายลดราคาขายโครงการที่คงเหลือลงถึง 20-30% จากราคาปกติ นี่ถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่จะคว้าโอกาสในการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุนระยะยาว แต่อย่างไรก็ดีส่วนใหญ่พวกเขาสนใจที่จะลงทุนในโครงการคอนโดพร้อมเข้าอยู่หรือโครงการที่สร้างเสร็จแล้วในพื้นที่ไพร์ม ในขณะที่บางส่วนมองหาโครงการทาวน์เฮาส์ในเขตพื้นที่ชานเมืองเพื่อที่จะอยู่อาศัยเองในวัยเกษียณ นี่อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดความเสี่ยงด้านการลงทุน โดยเน้นไปที่กำไรจากขายทรัพย์สินหรือผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเมื่อตลาดฟื้นตัว

          ถึงแม้ว่ายังอาจจะเร็วไปที่จะคาดการณ์ได้ว่าตลาดหลังวิกฤตครั้งนี้จะมีลักษณะอย่างไร แต่ตัวแทนนายหน้าอสังหาฯ ต่างชาติ บางรายเชื่อว่าการชะลอตัวของตลาดอาจกินเวลาไปจนถึงช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2564 เนื่องจากมีผลกระทบเชิงลบมากมาย จากเศรษฐกิจโลก

          เหตุผลที่น่าสนใจอีกประการที่ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยใดบ้างที่ผู้ซื้อชาวจีนและชาวฮ่องกงนำมาพิจารณาเมื่อซื้อบ้านหลังที่สองในต่างประเทศ ไม่เพียงแต่เป็นประเทศที่รัฐบาลที่สามารถรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีในด้านมาตรการป้องกันและการควบคุม แต่ยังต้องสามารถเข้าถึงบริการด้านการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพอีกด้วย การศึกษาที่มีคุณภาพรวมไปถึงการเดินทางกลับบ้านเกิดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการเดินทางทางอากาศเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยทั้งสิ้น และนี่อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทย จากผลลัพธ์ในครั้งนี้พบว่า มีนักลงทุนชาวจีนจำนวนมากขึ้นที่ตั้งใจจะลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยในระยะยาวเนื่องจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น

          นอกจากนี้ค่าครองชีพที่ค่อนข้างต่ำและความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนยังเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนชาวจีนและชาวฮ่องกงพิจารณาด้วยเช่นกัน

ที่มา : บางกอกทูเดย์

วันที่ : 13 พฤศจิกายน 2563