แคมป์คนงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นอีกหนึ่งคลัสเตอร์ที่ได้เกิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นจำนวนมาก จนแคมป์ก่อสร้างบางแห่งต้องปฏิบัติในเรื่องมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในการกักตัวหรือหยุดการก่อสร้างเพื่อเฝ้าระวัง 14 วัน โดยปัจจุบัน มีแคมป์ก่อสร้างในกทม.และต่างจังหวัดประมาณ 409 แห่ง มีคนงานประมาณ 62,169 คน กว่า 50% จะเป็นกลุ่มก้อนแรงงานต่างชาติ
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวถึงมาตรการการจัดแคมป์แรงงานก่อสร้างในสถานการณ์ โควิด-19 เพื่อระดมความเห็นจากหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการในภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่ในพื้นที่ส่วนกลางและต่างจังหวัด ถึงทางออกและทางรอดในการสกัดความเสี่ยงที่จะเกิดโควิด-19 จากคลัสเตอร์ก่อสร้างว่า จากตัวเลข ศบค. ที่ประกาศออกมา พบผู้ติดเชื้อในแคมป์ก่อสร้างมีตัวเลขทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งในแคมป์ก่อสร้างบางแห่งจะมีทั้งคนงานที่มีใบอนุญาตและที่ไม่มีใบอนุญาต และแม้ในช่วง 2-3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา แคมป์คนงานแต่ละแห่งจะมีมาตรการควบคุมและป้องกัน แต่ยังพบผู้ติดเชื้ออยู่
"ไฟกำลังไหม้ ไม่ควรโทษใคร ใครเอาเชื้อเพลิงเข้ามา เราควรดับไฟให้ได้ก่อน หลังจากนั้นค่อยมาพูดถึงว่าจะจัดการอย่างไร ตอนนี้ ทุกแคมป์ต้องดูแลตัวและยื้อเวลาไม่ให้งานหยุด ให้การติดเชื้อห่างออกไปให้มากที่สุด เพื่อมิให้กระทบต่อการส่งมอบงาน ซึ่งอาจจะมีปัญหาตามมากับทั้งเจ้าของโครงการในส่วนของภาครัฐและเอกชน เช่น การก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร ลูกค้าที่ซื้ออาจจะลังเลที่จะโอนกรรมสิทธิ์ หรือที่มีปัญหาอยู่แล้ว ก็จะยกเลิกการโอน หรือแม้แต่งานก่อสร้างภาครัฐ ก็มีค่าปรับความล่าช้า เป็นต้น
นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี กล่าวว่า ทางสมาคมฯเห็นตรงกันว่า หากโควิด-19 ลามไปวงการธุรกิจก่อสร้าง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจค่อนข้างรุนแรง และเป็นความเสี่ยงสูง เพราะในพื้นที่ก่อสร้างเรื่องระบบสาธารณสุขจะด้อยกว่าเมื่อเทียบกับโรงงานอุตสาหกรรม หากเกิดการระบาดจะไม่ใช่เพียงแต่จะเกิดกับกทม.แต่จะระบาดไปทั่วถึงต่างจังหวัดได้
นายมีศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจอสังหาฯที่บริษัทดำเนินการอยู่นั้น เรามีหลายไซต์งานและมีคนงานก่อสร้างประมาณ 2,000 คน ซึ่งทางบริษัทได้ออกมาตรการ เพื่อมิให้กระทบต่องานก่อสร้างจนต้องหยุดและมีผลไปถึงลูกค้า โดยได้จัดการรณรงค์เขียนป้ายติดตามไซต์งานหลายภาษาเป็นสีแดง หยิบประเด็นให้คนเหล่านี้ เข้าใจในเรื่อง "ถ้าโควิดมา งานไม่มี เงินก็หมด" รวมถึงการเปลี่ยนที่อาบน้ำจากบ่ออาบน้ำเป็นฝักบัว มีจุดคัดกรองเพื่อคัดแยกในกรณีเป็นพิเศษ รวมถึงญาติที่จะเข้ามาพบจะกลายเป็นสิ่งต้องห้ามด้วย เป็นต้น
แพทย์หญิงวรรณา หาญเชาว์วรกุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยตอนนี้อยู่ในช่วงการระบาดของโควิดระลอกที่ 3 ซึ่งเป้าหมายไม่ได้มุ่งการหยุดเชื้อ แต่จะให้น้ำหนักในเรื่อง ชะลอการแพร่เชื้อแบบลดการสูญเสียหรือ เสียชีวิต ป้องกันการติดเชื้อใน โรงพยาบาล ลดผลกระทบทางเศรษฐกิจต่างๆ และไม่อยากให้เกิดระบาดระลอกที่ 4 ที่อาจทำให้เกิดความสิ้นหวัง จนนำไปสู่ปัญหาทางสังคมและเกิดการฆ่าตัวตาย
ทั้งนี้ เราจะพบจุดตายใน แคมป์ก่อสร้างที่จะทำให้เกิดการแพร่เชื้อ ได้แก่ 1. จุดน้ำดื่ม แก้วน้ำที่ถูกเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆทางกรมควบคุมโรค เสนอให้ใช้เหยือกน้ำแทน แต่ละคนต้องมีแก้วน้ำเป็นของตนเอง 2. กรณีที่ไม่ใช่คน ในครอบครัวเดียวกัน การปรับประทานอาหารควรเว้นรอบระยะห่าง 1 ตารางเมตร 3. โรงอาหาร ควรมีฉากกั้น ลดเวลาให้เกิดการเหลื่อมล้ำเวลาทานอาหาร 4. ราวบันได อาจต้องจัดคนคอยเช็ดราวบันได เนื่องจากตรวจพบเชื้อโควิด-19 ที่ราวบันได 5. กรณีที่คนงานอยู่ในพื้นที่สีแดง ต้องควบคุมห้ามกลับภูลำเนา เช่น พื้นที่กรุงเทพฯ และ จ.สมุทรปราการ และ 6. จดทำทะเบียนลูกจ้างและมาพิจารณาในเรื่องลูกจ้างที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายจะทำอย่างไร
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
วันที่ : 7 มิถุนายน 2564