เมื่อความสามารถคนไทยซื้อบ้านได้น้อยลง ระดับรายได้เติบโตไม่ทันราคาบ้านในตลาด ขณะที่ไทยยังเป็นเมืองอสังหาฯน่าลงทุนอันดับต้นๆ ด้วยราคาถูก ผลตอบแทนดี อาหารการกินเอื้อ การท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ปักหลักอยู่ยาวประกอบอาชีพคล่องตัวถูกจริตชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน ที่ปัจจุบันกลายเป็นผู้ซื้อหลักสำหรับตลาดคอนโดฯผ่านสัดส่วนยอดขายเฉพาะชาวจีน,ฮ่องกง 43% ของยอดต่างชาติทั้งหมดเมื่อปี 2561 ที่รวมมากกว่า 9 หมื่นล้านบาท แม้มีความกังวลว่าจีนจะครองเมือง และมีความพยายามออกมาสกัดกั้นผ่านมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดย ธปท. กำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (แอลทีวี) เข้มงวดกลุ่มนักลงทุนซื้อหลังที่ 2,3 ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมานั้น แต่พบมีข้อมูลที่น่าสนใจในแง่ความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวจีนต่ออสังหาฯไทยไม่เปลี่ยน แปลงอย่างที่เคยนำเสนอไปแล้วในหลายกรณี

ล่าสุดในเวทีเสวนาเรื่อง "แนวโน้มกำลังซื้อที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ" ที่จัดโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด ฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระบุ แม้ปีนี้การทำตลาดกับกลุ่มดังกล่าวยากขึ้น ในประเทศมีแอลทีวีกดดัน มีความยุ่งยากด้านเอกสารการซื้อในส่วนราชการ และจีนเองมีกฎหมายเข้มงวดการโอนเงินออกนอกประเทศเพื่อลงทุนในอสังหาฯ นั้น แต่พบว่าเมื่ออสังหาฯในประเทศจีนยังราคาสูงไม่น่าสนใจ คนจีนยิ่งพยายามดิ้น นำเงินออกนอกประเทศ จากข้อมูลมีห้องชุดจำนวนมากที่ขายให้คนจีนไม่ใช่เพียงเพื่อซื้อลงทุน แต่โอนแล้วลูกค้าจีนกลับถือครองไว้เฉยๆ ไม่อยู่อาศัย ไม่ปล่อยเช่า เปรียบเป็นการนำเงินมาพัก พอใจเมื่อไหร่ ค่อยขายออก สะท้อนถึงความกระหายต้องการนำเงินออกมา ซึ่งเป็นโอกาสของตลาดไทย

ขณะที่นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด ฐานะที่ปรึกษาวิจัยและสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ผู้ซื้อชาวจีน ยังเป็นตลาดที่ทิ้งไม่ได้ เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศแนวโน้มไม่ดี กลุ่มคนสร้างครอบครัวน้อยกว่ากลุ่มผู้สูงอายุ เศรษฐกิจไม่ดีต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ประกอบการไม่สามารถชะลอหรือหยุดเปิดขายโครงการใหม่ได้ ชาวจีนจึงเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักของตลาดคอนโดฯ รวมถึงภาพการร่วมลงทุนพัฒนาโครงการระหว่างผู้ประกอบการไทยกับต่างชาติอย่างจีน ซึ่งจะมาพร้อมกับกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนนั้นก็ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

23 พฤษภาคม 2562