เอพี (ไทยแลนด์) กับความแข็งแกร่งในวงการ อสังหาฯ เผยผลการดำเนินงานปี 63 พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รายได้ 29,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% กำไรสุทธิพุ่ง 4,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.9% เผยศักยภาพของแบรนด์ หนุนยอดโอนกรรมสิทธิ์แนวราบถึง 35 โครงการ มูลค่า 24,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.5% สวนกระแสคอนโดฯ ส่งมอบโครงการให้ลูกค้าถึง 6 โครงการ ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์รวมโครงการร่วมทุน สูงสุดคิดเป็น 45,188 ล้านบาท
นายประมาศ ขวัญชื้น เลขานุการบริษัท บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ "AP" แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานปี 2563 ว่า รายได้บรรลุเป้าหมายที่ 26,550 ล้านบาท และทำสถิติสูงสุดที่ 29,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% จากปีก่อน (จาก 23,802 ล้านบาท) ซึ่งเป็นรายได้จากไตรมาสที่ 4 จำนวน 7,547 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 40.7% จากปีก่อน) โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จำนวน 28,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.6% จากปีก่อน และรายได้ค่าบริการและค่าบริหารจัดการอีกจำนวน 939 ล้านบาท
สำหรับเหตุผลที่ทำให้ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง จากโครงการแนวราบ หลังจากทำสถิติรายได้สูงสุดถึง 2 ครั้งในปี 2563 โดยทั้งปีมีรายได้จากสินค้าแนวราบสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 24,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.5% ซึ่งผลงานที่โดดเด่นของสินค้าแนวราบ เป็นผลมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก และจากยอดขายที่ดีของสินค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ สามารถเริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวราบทั้งหมด 35 โครงการในระหว่างปี จากโครงการที่เปิดใหม่จำนวน 39 โครงการ
โครงการคอนโดมิเนียม นอกจากโครงการ Aspire สุขุมวิทอ่อนนุช เฟส I (ยอดโอนกรรมสิทธิ์สะสมที่ 45.9%) และโครงการ และโครงการAspire อโศก-รัชดา (ยอดโอนกรรมสิทธิ์สะสมที่ 66.4%) เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในปี 63 และอีก 1 โครงการที่ช่วยผลั กดัน รา ยได้จากคอนโดมิเนียมคือ โครงการ "Aspire สาทร-ราชพฤกษ์" โดยโครงการ ดังกล่าว สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ถึง 40.5% ในปี 63 ทำให้มียอดโอนสะสมแล้ว 98.6% โดยจาก 3 โครงการดังกล่าว คิดเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 75% ของยอดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม (ไม่ร่วมโครงการร่วมทุน) ซึ่งช่วยผลักดันรายได้ไปอยู่ที่ 4,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% จากปีก่อน
ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นแม้จะหดตัวลงระหว่างการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไตรมาส 2 ปีที่ผ่านมา (ที่ 29.6%) แต่แนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 ที่ 31.4% และ 31.7% ตามลำดับ ดังนั้น อัตรากำไรขั้นต้นรวมของปี 63 จึงอยู่ที่ 31.6% (ลดลง 2.7% จากปีก่อน)
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนตลอดทั้งปี ทางบริษัทจึงควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างใกล้ชิด โดยมียอดรวมทั้งปีที่ 6,160 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20.6% ของรายได้ปี 63 (ลดลง 2.3% จากปีก่อน)
รายได้จากโครงการร่วมทุน ในปี 63 ทำรายได้สูงสุดที่ 16,239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.7% ในทิศทางเดียวกัน ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า พุ่งสูงสุดที่ 1,948 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.1% จากปีก่อน และจากเหตุผลข้างต้น บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) จึงสามารถส่งมอบผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปี 63 พร้อมฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยสรุป มีรายได้รวม 29,888 ล้านบาท รวมถึงมียอดโอนสูงสุด (ร่วมโอนกรรมสิทธิ์โครงการร่วมทุน) คิดเป็น 45,188 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิปี 63 จึงพุ่งสูงถึง 4,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.9% ของปีก่อน และอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 0.71 เท่า
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
วันที่ : 24 กุมภาพันธ์ 2564