รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ร่วมมือกับ บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ในการคัดเลือกสถานีบริการน้ำมันที่ปตท.บริหารเอง ซึ่งปัจจุบันมี 1,400 แห่ง มาพัฒนาเป็นปั๊มน้ำมันเพื่อชุมชนเต็มรูปแบบ โดยภายในปั๊มน้ำมันมีจุดให้บริการที่หลากหลาย ประกอบด้วย การสร้างให้ปั๊ม ปตท.กลายเป็นจุดกระจายสินค้าสำหรับร้านธงฟ้าประชารัฐให้แก่ผู้มีรายได้น้อย เปิดจุดจำหน่ายสินค้าโอทอประดับชั้นนำของประเทศ รวมถึงจัดพื้นที่ให้มีสาขาให้บริการแก่ประชาชนเข้ามาใช้บริการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารรัฐ เป็นคลังกระจายสินค้าชุมชนผ่านการซื้อขายทางอีคอมเมิร์ซ
ทั้งนี้ ในวันที่ 4 ต.ค.นี้ นายสมคิด จะเป็นประธานการลงนามความร่วมมือด้วยตนเอง ระหว่างผู้บริหาร บมจ. ปตท. และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 8 แห่ง กับทั้ง ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และสถานีบริการน้ำมัน ปตท.
สำหรับแนวทางการพัฒนาปั๊มน้ำมัน ปตท.จะมีการคัดเลือกสาขาที่มีขนาดใหญ่ มีทำเลที่เหมาะสมการเดินทางสะดวก เพื่อนำมาปรับปรุงพื้นที่จัดตั้งปั๊มน้ำมันเพื่อชุมชน กระจายไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ประกอบด้วย การเปิดพื้นที่ให้ชุมชนนำสินค้าโอทอประดับชั้นนำมาวางจำหน่ายภายในปั๊ม ซึ่งจะมีการตกแต่งบรรยากาศให้จูงใจต่อการซื้อ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้สินค้าโอทอป กระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น โดยจะสามารถเริ่มเปิดได้ภายในปีนี้ เพื่อรองรับฤดูกาลท่องเที่ยว และเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางแวะซื้อโอทอปเป็นของขวัญ ของฝากช่วงปลายปีจำนวนมาก
นอกจากนี้จะมีการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้ปั๊มน้ำมัน ปตท. กลายเป็นจุดกระจายสินค้าสำหรับร้านธงฟ้าประชารัฐรองรับความต้องการซื้อสินค้าผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของชาวบ้าน รวมถึงการเป็นคลังสินค้ากระจายสินค้าไปสู่ชุมชน มีการสร้าง อี-แคตตาล็อก เพื่อส่งเสริมการค้าสินค้าชุมชนในรูปแบบแคตตาล็อกสินค้าออนไลน์เพื่อกระตุ้นยอดขายโอทอปและสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตมากขึ้น หลังจากสินค้าโอทอปเงียบหายไปนาน ต่อไปภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. จะกลายเป็นศูนย์บริการทางการเงินของสถาบันการเงินรัฐ โดยจะมีการเปิดพื้นที่ให้เข้าไปตั้งสาขาเพื่อให้ประชาชนใช้บริการ
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
4 ตุลาคม 2561